โรนัลด์ เออร์เนสต์ "รอน" พอล เกิดเมื่อวันที่
20 สิงหาคม พ.ศ. 2478 เป็น
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาจากเลค แจ็คสัน
รัฐเท็กซัส เป็นแพทย์ และเป็นผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาถึง 3 ครั้ง ในนามตัวแทนของ
พรรคเสรีนิยม ปี 1988 และของ
พรรคริพับลิกัน (สหรัฐอเมริกา) ปี 2008 และ 2012 รอน พอลเกิดที่
เพนซิลเวเนีย เริ่มเข้ารับการศึกษาที่วิทยาลัยแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยดู๊ค หลังจากจบการศึกษาในปี 1961 เขาได้เป็นแพทย์ทางด้านสูตินารีเวช จากนั้นได้มาเป็นศัลยแพทย์ของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา และได้ปฏิบัติหน้าที่ใน
สงครามเวียดนามอีกด้วย ต่อมาได้หันเข้าสู่วงการการเมืองและได้เป็น
สมาชิสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาจาก
รัฐเท็กซัสในปี 1976–1977, 1979–1985 และ 1997 จนถึงปัจจุบันรอน พอลเป็นนักอนุรักษนิยม นักรัฐธรรมนูญ และนักเสรีนิยม (
Libertarian) เขาเป็นนักวิจารณ์ที่พูดอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับนโยบายการต่างประเทศและการเงินของชาวอเมริกัน รวมถึงระบบอุตสาหกรรมทางการทหารและธนาคารกลาง มุมมองเสรีนิยม (
Libertarianism) ของเขาเป็นที่รู้จักกันอย่างดีและมักจะแตกต่างจากพรรคของตัวเองเในบางกรณีนโยบายต่างประเทศหลักของพอลคือไม่แทรกแซง เขากล่าวว่าอเมริกาไม่ควรเข้าไปแทรกแซงการทหาร การเงินหรือยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของประเทศอื่นๆ แต่เสนอให้ยังคงสัมพันธภาพในเรื่องการค้า การท่องเที่ยว การสื่อสารและการเจรจาต่อรองกับประเทศอื่นๆไว้
[1] เขาต่อต้านสงครามอิรัก
[2]แต่เห็นด้วยกับการส่งกองกำลังไปปรามปรามผู้ก่อการร้ายในอัฟฟานิสถาน
[3]เนื่องจากเชื่อว่าเป็นการตอบโต้การก่อการร้ายในวันที่ 11 กันยายน 2001 เขาอยากจะให้สหรัฐอเมริกาลดบทบาทใน
นาโตและ
สหประชาชาติเนื่องจากเล็งเห็นว่าองค์กรเหล่านั้นละเมิดต่ออธิปไตยของสหรัฐ ในทางการเงินพอลมีนโยบายไม่เก็บภาษีเพิ่ม
[4] สนับสนุนการลดหรือยกเลิกการเก็บภาษีเงินได้
[5] โดยให้รัฐบาลใช้จ่ายเงินที่ได้จากภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิต ลดการใช้จ่ายของรัฐบาลด้วยการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางที่ไม่จำเป็น เขาสนับสนุนนโยบาย Hard Money แต่ในขณะเดียวกันกล่าวว่าจะไม่กลับไปใช้มาตรฐานทองคำแต่จะให้ออกกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ทำให้รัฐบาลจำต้องใช้ทองหรือแร่เงิน ในการชำระหนี้ ซึ่งการออกกฎหมายนี้จะยับยั้งพฤติกรรมของรัฐบาลที่ใช้จ่ายอย่างไม่ระวังและคอยมาเร่งให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) พิมพ์เงินเพิ่ม
[6] ซึ่งเขาเชื่อว่านี่เป็นสาเหตุหลักของการทำให้เกิดเงินเฟ้อและด้วยเหตุผลนี้เขาจึงไม่สนับสนุนธนาคารกลางของสหรัฐนอกจากนั้นพอลสนับสนุนให้เลิกสงครามกับยาเสพย์ติดเนื่องจากเชื่อว่ากฎหมายยาเสพติดไม่มีประสิทธิภาพให้คนเลิกใช้ยา กฎหมายยาเสพติดทำให้เกิดอาชญากรรมและแนะนำให้พิจารณาว่ายาเสพติดเป็นปัญหาทางการแพทย์ เขากล่าวว่านักโทษคดียาเสพติดหลายคนไม่ได้จำคุกจากพฤติกรรมรุนแรงแต่จากการเป็นผู้เสพ เราควรจะถือว่าคนเหล่านี้เป็นผู้ป่วยติดยาแทนที่จะเป็นอาชญากร การบังคับให้มีบทลงโทษขั้นต่ำอย่างไร้เหตุผลได้ก่อให้เกิดโทษอย่างมหัน ขณะนี้มีผู้กระทำผิดคดียาเสพติดที่ไม่ใช้ความรุนแรงซึ่งต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตแต่เราไม่มีห้องขังพอให้กับนักโทษคดีข่มขืนและฆาตกร เขากล่าว
[7]สำหรับการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีของรอน พอลในปี 2012 นั้น เขาเป็นผู้สมัครที่มีคะแนนนำในหลายๆสตรอว์โพลล์ แม้ว่าจะได้คะแนนต่ำกว่าในหลายๆโพลล์ทางโทรศัพท์ มีผู้ที่นิยมตัวเขาในอินเทอร์เน็ตค่อนข้างมากเลยทีเดียว โดยในเว็บสำหรับค้นหาและ Youtube นั้นเขากลายเป็นผู้สมัครที่มีการค้นชื่อมากที่สุด ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีของเขาในปี 2008 ผู้สนับสนุนจำนวนมากของพอลกล่าวหาว่าสื่อกระแสหลักไม่ยอมนำเสนอข่าวของพอล
[8] ข้อกล่าวหาที่คล้ายกันนี้ได้เกิดขึ้นในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2012 เช่นเดียวกัน
[9] คอลัมนิสของหนังสือพิมพ์การเมือง
โพลิติโควโรเจอร์ ไซม่อนตั้งข้อสังเกตในขณะให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ
Reliable Sources ของ CNN ว่าพอลได้รับการเสนอข่าวน้อยกว่านาง
มิเชล บัคแมน แม้จะมีคะแนนนิยมใกล้เคียงเธอใน
เอมส์สตรอว์โพลล์[10] ภายหลังไซมอนได้ตั้งข้อสังเกตอีกครั้งในหนังสือพิมพ์การเมืองโพลิติโควว่าสื่อนำเสนอพอลอย่างไม่เป็นธรรม
[11] โครงการความเป็นเลิศของสื่อสารมวลชนของ
ศูนย์การวิจัยพิวได้ให้ข้อสรุปในเดือนสิงหาคม 2011 ว่าพอลได้รับการนำเสนอข่าวจากสื่อสารมวลชนน้อยกว่าผู้สมัครชิงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาปี 2012 คนอื่นๆอย่างมีนัยสำคัญ
[12] ในเดือนมกราคมปี 2012 นิตยสารแอตแลนติกอ้างผลการศึกษาของพิวว่าแม้โพลสำรวจของพอลจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาเสียส่วนแบ่งจากการนำเสนอข่าวของสื่อจาก 34% ในปลายธันวาคม 2011 เหลือเพียงประมาณ 3% ในช่วงกลางเดือนมกราคม 2012 พวกเขายังตั้งข้อสังเกตเพิ่มอีกว่าการนำเสนอข่าวในเชิงบวกเกี่ยวกับพอลลดลงอย่างชัดเจน ในขณะที่การนำเสนอข่าวในเชิงลบเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
[13]